วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Cinderella [ซินเดอเรล่า]

++ซินเดอเรล่า++




          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในอาณาจักรที่ห่างไกล มีหญิงสาวผู้ หนึ่ง นามว่า “ซินเดอร์ริล่า” เธออาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่กับแม่เลี้ยง และลูกเลี้ยงอีกสองคนที่มีชื่อว่า อานาตาเซีย และดริเซลล่า
          ซินเดอร์ริล่าเป็นหญิงสาวที่น่ารักมีจิตใจดีและอ่อนโยน ในขณะที่พี่สาวต่างมารดาของเธอเป็นพวกเห็นแก่ตัว และมีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ แม่เลี้ยงของซินเดอร์ริล่าไม่ชอบเธอ แม่เลี้ยงมักจะใช้ให้ซินเดอร์ริล่าทำงานบ้านต่างๆ ทั้งหมด และให้เธอนอนอยู่ในห้องใต้หลังคา


          แต่ซินเดอร์ริล่ามักจะมองโลกในแง่ดีเสมอ เธอทำงานอย่างมีความสุข โดยมเจ้าหนูและนกน้อยคอยอยู่เป็นเพื่อนเธอและให้กำลังใจเธออยู่เสมอ
          ในตอนนี้ พระราชาคาดหวังที่อยากจะเห็นพระราชโอรสได้อภิเษกสมรสและมีครอบครัวอย่างเป็นทางการสักที แต่จะทำยังไงให้เจ้าชายได้พบกับหญิงสาวที่คู่ควรเหมาะสมกับพระองค์หล่ะ?
          หลังจากนั้นไม่นานพระราชาก็บังเกิดความคิดที่ยอดเยี่ยม นั่นก็คือ การจัดงานเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าชาย “และถ้าสาวโสดทุกคนในอาณาจักรของข้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมารวมตัวกันที่พระราชวังแห่งนี้...”
          ดังนั้นในวันรุ่งขึ้น คนแจ้งข่าวจากพระราชวังได้มาปรากฏตัวขึ้นที่ประตูหน้าบ้านของซินเดอร์ริล่า พร้อมกับแจ้งข่าวเรื่องงานเลี้ยงที่จะมีขึ้น
          “งานเลี้ยง! เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าชาย...และด้วยอำนาจของพระราชา ข้าขอออกคำสั่งให้สาวโสดทุกคนมาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย!” แม่เลี้ยงอ่านจดหมายเชิญชวนที่เพิ่งได้รับมา


“ทำไมหล่ะถ้าอย่างงั้นก็หมายความว่าฉันก็สามารถไปร่วมงานได้ด้วยนะสิ” ซินเดอร์ริล่ากล่าว
“ฮ่า! ฮ่า!” พี่สาวต่างมารดาทั้งสองของซินเดอร์ริล่าต่างหัวเราะเสียงแหลมขึ้นมาในทันที และหลังจากนั้นพี่สาวของเธอก็เริ่มทำเลียนแบบเป็นซินเดอร์ริล่าที่อยู่ในงานเลี้ยง
“เจ้าชายเพคะ หม่อมฉันจะรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ไม่ทราบว่าพระองค์จะรังเกียจไหม ถ้าหม่อมฉันจะให้ พระองค์ช่วยถือไม้กวาดของหม่อมฉันให้หน่อย?”


“ทำไม ไม่ได้หล่ะ? ถึงอย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังเป็นสมาชิกของครอบครัวเหมือนกันนะ” ซินเดอร์ริล่า กล่าวอย่างหนักแน่น
“ฮืม! ใช่แล้ว ข้าเห็นว่าไม่มีเหตุผลเลย ทำไมเธอจะไปไม่ได้ ถ้าเธอสามารถทำงานบ้านทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยทันเวลา” แม่เลี้ยงกล่าวขึ้นมา
พี่สาวทั้งสองของซินเดอร์ริล่ารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก “ท่านแม่ ท่านรู้หรือไม่ว่าได้พูดอะไรออกไปเมื่อกี้?” พวกเขาต่างตะโกนถาม
“แน่นอน ข้ารู้ดี ข้าพูดว่า ถ้า” แม่เลี้ยงตอบอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม
“อ๋อ, ถ้า!” พี่สาวทั้งสองกล่าวขึ้นพร้อมกัน และต่างมองหน้ากันและยิ้มให้กันอย่างสะใจ


และแน่นอนว่า ซินเดอร์ริล่าก็จะต้องหาชุดที่เหมาะสมใส่ไปในงานเลี้ยงด้วยเช่นกัน เธอรีบวิ่งกลับไปยังที่ห้องของเธอ เพื่อไปลองหาชุดที่จะใส่ดู


ในห้องนอนของเธอ ซินเดอร์ริล่าได้หยิบหีบขึ้นมาแล้วเปิดมันออก จากนั้นจึงหยิบเอาชุดขึ้นมาชุดหนึ่ง เจ้าหนูน้อยทั้งหลายจ้องมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็น “ชุดนี้สวยใช่ไหมจ๊ะ?” เธอถามในขณะที่กำลังมองดูตัวเองที่กระจก “มันเป็นชุดของแม่ฉันเองจ๊ะ”
“เอ่อ...มันดูค่อนข้างเก่านะ” เจ้าหนูตัวเล็กที่ชื่อ แจ๊ค กล่าวออกมา
“โฮ ฉันจะซ่อมแซมมันเอง” ซินเดอร์ริล่า กล่าว
“ฉันต้องการสายสะพาย...ชิ้นผ้าที่จับจีบใช้ตกแต่ง...”
อีกสักครู่ พวกพี่สาวก็ตะโกนเรียก “ซินเดอร์ริล่า!
“ซินเดอร์ริล่า ผู้น่าสงสาร!” เจ้าหนูน้อยทั้งหลายกล่าว “ทุกๆ ครั้งที่เธอพอจะมีเวลาส่วนตัวบ้าง...พวกพี่สาวก็จะเริ่มเรียกเธอใช้งานทันที”
“โฮ ลองทายดูสิว่าอะไร... ชุดจ๋า สงสัยฉันคงต้องหาเวลามาใหม่เพื่อที่จะมาซ่อมแซมเธอแล้วหล่ะ” ซินเดอร์ริล่า กล่าว แล้วหลังจากนั้นเธอตะโกนตอบกลับไปยังพี่สาวทั้งสองว่า “ตกลงจ๊ะ ฉันกำลังไปเดี๋ยวนี้แล้ว!” แล้วเธอก็รีบวิ่งออกจากห้องนอนของเธอไปทันที
“นายเห็นไหมล่ะ!” แจ๊ค พูดเสียงแหลม “พวกพี่สาวของเธอจะคอยกลั่นแกล้งตลอดเวลา และเธอจะไม่มีวันที่จะซ่อมแซมชุดของเธอได้เสร็จเรียบร้อยหรอก”
ซินเดอร์ริล่าได้ลงมาข่างล่าง พบแม่เลี้ยงกำลังยืนรออยู่ที่หน้าห้องโถงพร้อมด้วยอานาตาเซีย และดริเซลล่า พวกเขาบอกให้เธอทำความสะอาดพื้นห้องโถงอีกครั้ง โดยไม่สนใจว่าก่อนหน้านี้วันหนึ่ง เธอได้ทำความสะอาดไปแล้วก็ตาม


“เมื่อเจ้าทำความสะอาดพื้นห้องโถงนี้เสร็จแล้ว และ ก่อนที่จะเริ่มทำงานอื่นๆ ต่อ ข้ามีบางสิ่งบางอย่าง...” แม่เลี้ยง กล่าว
อานาตาเซียและดริเซลล่าก็ได้หางานพิเศษเพิ่มเติมให้ซินเดอร์ริล่าทำด้วย นั่นก็คือพวกเธอต้องการให้ซินเดอร์ริล่าไปรีดชุดของพวกเธอที่จะใส่ไปในงานเลี้ยงและดัดผมให้พวกเธอเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานเลี้ยง แต่งานพิเศษที่ว่านี้จะต้องทำหลังจากที่ซินเดอร์ริล่าได้ทำความสะอาดบ้าน, ล้านจาน, และทำความสะอาดซักผ้ารีดผ้าเรียบร้อยแล้วเสร็จก่อน
ซินเดอร์ริล่าไม่มีทางเลือก เธอต้องทำตามที่ได้รับคำสั่ง ตลอดทั้งวัน เธอทำแต่งาน แต่ในใจของเธอก็ได้แต่เฝ้าคิดอย่างเศร้าสร้อยเกี่ยวกับชุดของเธอที่อยู่ในห้องนอน
ในระหว่างนั้นเจ้าหนูและนกน้อยทั้งหลายต่างช่วยกันซ่อมแซมชุดของซินเดอร์ริล่า
แจ๊คและกัส เพื่อนใหม่ของเขาได้แอบวิ่งเข้าไปในห้องนอนของพี่สาวของซินเดอร์ริล่าอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะไปดูว่า พวกมันสามารถหาอะไรมาใช้ได้บ้าง พวกพี่สาวทั้งสองต่างกำลังง่วนอยู่กับการรื้อค้นตู้เสื้อผ้า
“พวกผ้าเก่าๆ ทั้งหลายนี้” อานาตาเซีย พูดพลางหยิบขึ้นมาสูดดมกลิ่น แล้วก็โยนสายสะพายทิ้งลงบนพื้น
เช่นเดียวกับดริเซลล่า เธอก็โยนลูกปัดบางส่วนที่เธอไม่ต้องการเข้าไปในมุมตู้
กัสและแจ๊คได้ช่วยกันลากสายสะพายและลูกปัดไปยังห้องนอนของซินเดอร์ริล่า โดยวิ่งผ่านเจ้าแมวที่มีชื่อว่าลูซิเฟอร์ ซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ เมื่อหนูตัวอื่นๆ เห็นว่ากัสและแจ๊คได้อะไรมาบ้าง พวกมันต่างก็ดีใจไปตามๆ กัน


เมื่อหมดวันแล้ว ซินเดอร์ริล่าก็ยังคงต้องทำงานอยู่กับพี่สาวของเธอ ดริเซลล่า พยายามที่จะให้ซินเดอร์ริล่า ช่วยเธอลองชุดที่จะใส่ไปงานเลี้ยง ชุดแล้วชุดเล่า แต่ไม่มีชุดไหนที่ใส่แล้วจะทำให้เธอดูงดงามเหมือนกับซินเดอร์ริล่าได้
แต่ในที่สุดพวกพี่สาวของเธอก็ได้เดินอวดโฉมลงมาข้างล่าง รู้สึกพอใจกับชุดของพวกเธอเองเป็นอย่างมาก
“ฉันไม่ไปหรอก” ซินเดอร์ริล่า พูดพลางกับถอนหายใจ ในขณะที่เธอกำลังปีนขึ้นไปบนห้องใต้หลังคา “โฮ...งานเลี้ยงของพระราชวัง คืออะไรนะ อยากรู้จัง?”
และเมื่อเธอไปถึงห้องของเธอ แล้วเปิดประตูเข้าไป ดวงตาของเธอก็สดใสเป็นประกายเหมือนดวงดาว
“เซอร์ไพร์ส!” พวกเจ้าหนูและนกน้อย ต่างพากันร้องออกมาอย่างพร้อมเพียงกันพวกมันรอที่จะได้เห็นเธอใส่ชุดสวยอย่างใจจดใจจ่อ และพวกมันก็ภูมิใจในผลงานของตนเองเป็นอย่างมากด้วย
“ทำไม ฉันไม่เคยฝันถึงมันมาก่อน...มันช่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ!” ซินเดอร์ริล่า พูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจเป็นอย่างยิ่ง “ฉันสามารถ...ทำไม...โฮ ขอบคุณมากๆ เลยจ๊ะ!” เธอแทบจะไม่เชื่อเลยว่า ในที่สุดเธอสามารถจะไปเข้าร่วมในงานเลี้ยงของเจ้าชายได้! เธอรีบเปลี่ยนชุดเก่าออกแล้วใส่ชุดใหม่ทันที เธอมองดูตัวเองในกระจกแล้วหมุนรอบๆ ดูอีกครั้ง เสร็จแล้วเธอก็รีบวิ่งออกไปยังประตูแล้วได้ส่งจูบให้แก่เพื่อนๆ ของเธอ
ชั้นล่าง ดริเซลล่าและอานาตาเซีย กำลังรับฟังคำจากมารดาอยู่ โดยมีรถม้ามาจอดคอยพวกเขาอยู่ด้านนอกแล้ว


แม่เลี้ยงได้พูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้ จำเอาไว้นะว่า เมื่อพวกเจ้าอยู่ต่อหน้าเจ้าชาย ต้องทำให้แน่ใจว่า...” แต่แม่เลี้ยงพูดยังไม่ทันจบ เธอก็ต้องหยุดชะงักและอ้าปากค้าง เพราะเอแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเองว่าคนที่กำลังเดินลงมาจากบันได คือ ซินเดอร์ริล่า เธอช่างดูงดงามกว่าทุกครั้งและชุดที่เธอใส่ก็ดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก!
“ได้โปรด! รอฉันด้วย!” ซินเดอร์ริล่า ร้องเรียก เธอรีบวิ่งลงมาจากบันได้พร้อมกับยื่นมือไปจับชุดของเธอแล้วพูดขึ้นว่า “ชุดสวยไหม? ท่านแม่ชอบไหม?” เธอถาม
ดริเซลล่าและอานาตาเซียต่างตกตะลึงไปชั่วขณะ “ท่านแม่, ไม่นะ!” พวกเธอพูดอย่างตะกุกตะกักหวาดกลัว แล้วทั้งสองก็พูดขึ้นพร้อมกันอีกว่า “ท่านแม่ต้องทำอะไรบางอย่างนะ! ซินเดอร์ริล่าต้องไปไม่ได้!
“ลูก, ลูกจ๋า! !” แม่เลี้ยง กล่าว พร้อมทั้งโบกมือให้ลูกๆ ทั้งสองของเธอเงียบก่อน “อย่างไรก็ตาม พวกเราได้มีการตกลงกันก่อนหน้านี้แล้ว” เมื่อพูดเสร็จ แม่เลี้ยงก็หันไปยัง ซินเดอร์ริล่าแล้วพูดกับเธอว่า “ใช่มั้ย ซินเดอร์ริล่า?”
สายตาของแม่เลี้ยงได้จ้องไปยังซินเดอร์ริล่า พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ลูกคิดว่ายังไงบ้างจ๊ะ ดริเซลล่า ซินเดอร์ริล่าช่างฉลาดอะไรเช่นนี้ ลูกปัดเหล่านี้... มันช่วยทำให้ชุดของเธอดูดีขึ้นมากเลย?”
“ไม่ มันไม่ได้ทำให้ดูดีขึ้นเลย!” ดริเซลล่า ตอบด้วยเสียงที่แหลมและดัง “พวกลูกปัดนี้...ทำไม... เจ้า...เจ้าขี้ขโมย ลูกปัดพวกนี้เป็นของข้า เอามันคืนมาให้หมด!” ดริเซลล่าพูดพร้อมกับกระชากลูกปัดออกจากคอเสื้อของซินเดอร์ริล่า
“ดูนั่นซิ! นั่นมันสายสะพายของข้านี่! เจ้าใส่สายสะพายของข้าอยู่!” อานาตาเซีย ตะโกนขึ้นอย่างเสียงดัง พร้อมทั้งฉีกสายสะพายขาด ซึ่งสายสะพายอันนี้พวกหนูได้ช่วยกันเย็บอยู่นานกว่าจะทำให้ดูดีขึ้นมา
“ไม่ หยุดนะ!” ซินเดอร์ริล่า ร้องไห้คร่ำครวญ พยายามที่จะปกป้องตัวเอง แต่ดริเซลล่าและอานาตาเซีย ไม่ฟังเสียง พวกเธอได้ช่วยกันฉีกชุดของซินเดอรริล่า ดึงเอาเครื่องประดับต่างๆ ออกมาหมด และในไม่ช้าชุดสวยของซินเดอร์ริล่าก็ขาดรุ่งริ่ง มันดูแย่กว่าชุดที่เธอใส่ทำงานปกติเสียอีก
“ลูก! นั่นน่าจะเพียงพอแล้วนะ” แม่เลี้ยง พูดอย่างห้วนๆ “เร็วๆ เข้า...พวกเจ้าทั้งสองคน” แล้วทั้งสามคนแม่ลูกก็รีบเดินไปยังประตูหน้าบ้าน ที่รถม้าจอดรออยู่ ทิ้งให้ซินเดอร์ริล่าเป็นทุกข์เพียงลำพังอยู่ในห้องโถง
ซินเดอร์ริล่ารีบวิ่งเข้าไปในสวน และคุกเข่าลงพร้อมกับซบหน้าลงบนม้านั่ง แล้วร้องไห้คร่ำครวญ มันไม่ยุติธรรมเลย! เธอมีความเชื่ออยู่เสมอเกี่ยวกับความฝันของเธอ และมันก็คือสุดยอดแห่งปรารถนาที่จะได้ไปงานเลี้ยง ได้แต่งตัวสวยๆ และได้เต้นรำเหมือนหญิงสาวคนอื่นๆ!
ฉันไม่อยากเชื่อแล้ว ไม่อีกแล้ว...ไม่มีอะไรหลงเหลือที่ควรจะเชื่อถือได้อีก ซินเดอร์ริล่า ร้องครวญคราง
พวกหนูต่างก็เฝ้ามองดูซินเดอร์ริล่าด้วยความเป็นทุกข์เช่นกัน แจ๊คและกัสรู้ดีว่าพี่สาวของซินเดอร์ริล่าไม่อยากให้เธอไปที่งานเลี้ยง แต่พวกมันก็แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีใครที่ใจร้ายได้ถึงเพียงนี้
สัตว์ทั้งหลายรู้สึกเศร้าสร้อยไปด้วย รวมทั้ง เมเจอร์, ม้าแก่ที่มีหน้าที่ลากเกวียน, บรูโน, สุนัขแสนรู้ พวกมันพยายามที่จะปลอบใจซินเดอร์ริล่า
แต่แล้วบางสิ่งประหลาดก็ได้เกิดขึ้น มีแสงระยิบระยับในอากาศ และในไม่ช้าก็ได้ปรากฏร่างของหญิงสาวผู้ใจดี กำลังนั่งอยู่บนม้านั่ง พร้อมกับลูกหัวของซินเดอร์ริล่าแล้วพูดขึ้นว่า “เธอไม่สามารถไปงานเลี้ยงในสภาพอย่างนี้ได้! แต่พวกเราต้องรีบหน่อย...”
“เพราะเหตุใด...ถ้าอย่างนั้น ท่านก็คือ...” ซินเดอร์ริล่า กล่าว
“แน่นอนที่สุด!, ฉันก็คือ นางฟ้าอุปถัมภ์” นางฟ้าแปลกหน้าผู้มาเยือนพูดพร้อมกับยิ้มอย่างใจดี
“ตอนนี้คอยดูแล้วกันนะ...”
นางฟ้าอุปถัมภ์ เอ๋ยขึ้น พร้อมๆ กับขยับไม้กายสิทธิ์แล้วเริ่มใช้อำนาจวิเศษเนรมิตสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้น นางฟ้าได้เนรมิตให้ฟักทองเป็นรถม้าขนาดใหญ่ และเนรมิตเจ้าหนูทั้งหลายที่เป็นเพื่อนของซินเดอร์ริล่าให้เป็นม้า ส่วนเมเจอร์, เจ้าม้าแก่ ได้กลายเป็นคนขับม้า และบรูโน สุนัขแสนรู้ก็ได้กลายเป็น ผู้รับใช้!
“แม่ทูนหัว เร็วๆ เข้า รีบขึ้นไปบนรถ พวกเราไม่อยากเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์”
“แต่ว่า...”ซินเดอร์ริล่ามองดูชุดที่ขาดรุ่งริ่งของเธอ
“นี่ ไม่ต้องพยายามที่จะขอบคุณฉันหรอกจ้ะ...” นางฟ้าอุปถัมภ์เอ่ย
“ฉันต้องการที่จะขอบคุณท่านด้วยจ้ะ แต่ว่า...ท่านคิดว่าชุดของฉัน...”
“ใช่ ใช่ ชุดของเจ้าน่ะดูดีอยู่แล้ว...” แต่ทันใดนั้นเอง ตาของนางฟ้าได้เหลือบมองเห็นชุดที่ซินเดอร์ริล่าสวมใส่อยู่ เธอถึงกับอุทานว่า “โฮ พระเจ้า! เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย! เจ้าใส่ชุดนี้ไปงานเลี้ยงไม่ได้หรอกนะ!

นางฟ้าอุปถัมภ์ได้ยื่นไม้กายสิทธิ์ไปที่ตัวของซินเดอร์ริล่าพร้อมกับเอ่ยคาถาวิเศษ และทันใดนั้นเองก็ได้เกิดแสงดาวหมุนไปรอบๆ ตัวของซินเดอร์ริล่า และเมื่อแสงดาวได้จางหายไป ซินเดอร์ริล่าก็พบว่าตัวเองได้สวมใส่ชุดที่สวยงาม ซึ่งส่องแสงเป้นประกายวาววับ
“โฮ!” ซินเดอร์ริล่าตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอหมุนไปรอบๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ท่านเคยเห็นชุดที่สวยงามเช่นนี้มาก่อนไหม? และรองเท้าแก้วด้วย! มันช่างเหมือนความฝันเสียเหลือเกิน!
แต่ทุกอย่างมันก็คือความฝัน... ข้าเกรงว่ามันจะไม่อยู่ยั่งยืนอย่างนี้ตลอดไป เจ้ามีเวลาถึงแค่เที่ยงคืนนี้เท่านั้น และต่อจากนั้น... เวทมนตร์ทุกอย่างก็จะหายไป...”
มันมากกว่าที่ฉันเคยหวังไว้เสียอีก!” ซินเดอร์ริล่ากล่าว พร้อมกับจูบลาแม่นางฟ้าอุปถัมภ์
ซินเดอร์ริล่ารีบออกเดินทางด้วยรถม้าอย่างเร่งด่วนเพื่อไปยังพระราชวังของเจ้าชาย

ในพระราชวังมีผู้คนมากมายหลายร้อยคนเข้ามาร่วมงานเลี้ยง สาวโสดทุกคนต่างมาแนะนำตนเองกับเจ้าชาย แต่ดูเหมือนว่าเจ้าชายจะไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น
บนระเบียงด้านบน พระราชาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ได้เฝ้ามองดูสังเกตการณ์ พระราชารู้สึกไม่สบอารมณ์เอามากๆ “โฮ...เจ้าลูกชายของข้า ไม่ยอมให้ความร่วมมือเลย” พระองค์ คำราม
“ถ้ากระหม่อมจะกล่าวอะไรบางอย่าง หวังว่าพระองค์คงไม่ถือโกรธนะพะยะค่ะ, กระหม่อมได้พยายามเตือนพระองค์แล้ว...” ขุนนางกล่าวอย่างประหม่า
“อย่างน้อยข้าก็คิดว่าจะต้องมีใครสักคนหนึ่งที่มีคุณสมบัติที่คู่ควรสามารถมาเป็นพระชายาของเจ้าชายได้!” พระราชา กล่าว
และต่อจากนั้นอีกไม่นานเป็นคิวของดริเซลล่าและอานาตาเซียที่จะแนะนำตนเองกับเจ้าชาย เมื่อทั้งสองคนเข้ามาแนะนำตนเอง เจ้าชายกลับเบือนหน้าหนีไปทางอื่น “ข้าล้มเลิกความตั้งใจแล้วหล่ะ!” พระราชา บ่นพึมพำ
แต่ตาของเจ้าชายได้กลับไปสะดุดเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง นั่นก็คือหญิงสาวสวยที่กำลังเดินหลงทางอยู่ในห้องโถง ซึ่งตั้งอยู่ด้านนอกของห้องจัดงานเลี้ยง และเมื่อมองมาแต่ไกลแล้วเธอคือสาวโสดที่สวยสะดุดตาที่สุดที่อยู่ในพระราชวังของงานในเย็นวันนั้น
เจ้าชายก้าวเดินออกไปจากห้องเลี้ยงอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเดินตรงเข้าไปหาซินเดอร์ริล่า พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ขอประทานโทษ”
แล้วเจ้าชายได้โค้งคำนับเธอและปราศจากคำพูดใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งสองได้เดินอย่างช้าๆ เข้ามาในห้องงานเลี้ยงแล้วก็เริ่มเต้นรำด้วยกัน
พระราชารู้สึกปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่ง “มองดูนั่นสิ!” พระองค์ ตรัส พร้อมกับสะกิดให้ขุนนางดู
“เธอคือใครกันนะ?”
“กระหม่อมเองก็ยังไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลย พะยะค่ะ” ขุนนาง ซึ่งกำลังงุนงงอยู่ กล่าวตอบพระราชา
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ต้องไปสืบมาให้รู้ให้จงได้!” พระราชาออกคำสั่ง
ซินเดอร์ริล่าและเจ้าชายต่างก็เต้นรำด้วยกันเพลงแล้วเพลงเล่า พวกเขาประสานสายตากันและกันอย่างลึกซึ้ง ซินเดอร์ริล่ามั่นใจว่าเธอเองได้หลงรักเจ้าชายเข้าเสียแล้ว เมื่อเวลาที่เธอได้มองและประสานตากับคู่เต้นรำรูปงามของเธอ


แขกเหรื่อทั้งหลายต่างพากันประหลาดใจ “พวกเขารู้จักเธอหรือเปล่า?” ดริเซลล่าถามพี่สาวของเธอ “ฉันคิดว่าเจ้าชายดูเหมือนว่าจะรู้จักเธอเป็นอย่างดี!” อานาตาเซีย กล่าว
แม่เลี้ยงได้มองดูคู่เต้นรำที่กำลังเต้นรำกันอยู่ใกล้ๆ ระเบียง เธอพูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับหญิงสาวผู้นี้ที่ข้ารู้สึกคุ้นเคย”
ซินเดอร์ริล่าและเจ้าชายได้พากันเดินเข้าไปในสวนของพระราชวังและเต้นรำกันภายใต้แสงดาว แต่ในขณะที่เจ้าชายกำลังโน้มเอียงตัวซินเดอร์ริล่าเข้ามาจูบนั้น เสียงระฆังที่บอกเวลาเที่ยงคืนของพระราชวังก็เริ่มดังขึ้น!
“หม่อมฉันต้องไปแล้ว!” ซินเดอร์ริล่า กล่าว
“ทำไมล่ะ?” เจ้าชายถามด้วยความสับสน แต่ซินเดอร์ริล่าได้รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วแล้ว
“รอเดี๋ยว! ข้ายังไม่รู้จักชื่อของเจ้าเลย!” เจ้าชายตะโกนขึ้นมาอย่างสิ้นหวัง
แต่ซินเดอร์ริล่าไม่ได้ตอบคำถามของเจ้าชาย เธอรีบวิ่งลงบันไดเพื่อไปยังรถม้าอย่างรวดเร็ว เธอรีบมากจนทำให้รองเท้าแก้วข้างหนึ่งของเธอร่วงหล่นอยู่บนบันได
เจ้าชายได้นำเอารองเท้าแก้วไปให้ขุนนาง มันคือเบาะแสเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เจ้าชายสามารถตามหาหญิงสาวที่พระองค์ทรงตกหลุมรักเจอ
ในการที่จะหาเจ้าของให้พบ ขุนนางได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการว่า สาวโสดทุกคนในอาณาจักรจะต้องลองใส่รองเท้าแก้วนี้
ในขณะเดียวกันรถม้าของซินเดอร์ริล่าก็รีบเร่งเพื่อที่จะกลับบ้าน เสียงระฆังดังขึ้นเพื่อบอกเวลาเที่ยงคืน และเมื่อดังจนครบสิบสองครั้งรถม้าขนาดใหญ่ก็หายไป เหลือเพียงซินเดอร์ริล่าที่กำลังนั่งอยู่บนฟักทอง ข้างๆ เมเจอร์, บรูโน, และเจ้าหนูอีกสี่ตัว

“ฉันลืมทุกอย่าง, แม้กระทั่งเวลาก็ลืมด้วย” ซินเดอร์ริล่า กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“แต่มันช่างยอดเยี่ยมมาก และเจ้าชายก็รูปงามด้วย...โฮ! ฉันมั่นใจว่าแม้แต่เจ้าชายเองก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน”
“ซินเดอร์ริล่า พอแล้ว เจ้าเลิกฝันเฟื่องได้แล้ว!” แจ๊ค พูดเสียงแหลมและนั่นที่เท้าของซินเดอร์ริล่ายังมีรองเท้าแก้วอีกข้างหนึ่งที่เธอใส่อยู่”
ตลอดทั้งคืน ขุนนางได้ตระเวนจากบ้านหนึ่งไปยังอีกบ้านหนึ่ง เพื่อที่จะให้สาวโสดทั้งหลายทดลองใส่รองเท้าแก้ว ข่าวเกี่ยวกับการตามหาเจ้าของรองเท้าแก้ว ได้รับทราบไปถึงบ้านของซินเดอร์ริล่าด้วย และนั่นทำให้ซินเดอร์ริล่าได้รู้ว่าคู่เต้นรำของเธอในคืนนั้นแท้ที่จริงแล้วก็คือเจ้าชาย!

แม่เลี้ยงเริ่มสังเกตเห็นว่าซินเดอร์ริล่าชอบทำสีหน้าเหมือนคนช่างฝันและมีทีท่าที่ไม่น่าไว้ใจ เธอแอบได้ยินซินเดอร์ริล่าฮัมเพลงที่ได้บรรเลงในงานเลี้ยงอยู่บ่อยๆ


ซินเดอร์ริล่ารีบวิ่งไปยังห้องของเธอแล้วจัดแจงหวีผมให้ดูสวยงาม แม้เลี้ยงได้ติดตามเธอมาติดๆ โดยไม่ให้เธอรู้ตัว


แล้วหญิงชราผู้ชั่วร้ายได้ล็อคประตูขังซินเดอร์ริล่า ก่อนที่ซินเดอร์ริล่าจะหยุดยั้งเธอเอาไว้ได้
แจ๊คและกัสมองดูเหตุการณ์ด้วยความหวาดกลัว “พวกเราจะต้องไปเอากุญแจนั่นมาให้ได้” แจ๊ค กระซิบบอก
ในเวลาเดียวกัน รถม้าของขุนนางได้เคลื่อนที่เข้ามาในลานบ้าน “ท่านแม่, ท่านแม่, ท่านขุนนางอยู่ที่นี่แล้ว!” ดริเซลล่าและอานาตาเซียตะโกนร้องด้วยเสียงดังและแหลม, พวกเธอได้เฝ้ามองดูจากหน้าต่างอย่างใจจดใจจ่อ
ขุนนางได้เดินเข้ามาอย่างช้าๆ แล้วหยุดอยู่ที่บันไดหน้าบ้าน โดยมีผู้รับใช้ถือรองเท้าแก้ว ซึ่งวางอยู่บนหมอนกำมะหยี่


“พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านได้มาถึงที่บ้านของเรา” แม่เลี้ยง ได้กล่าวทักทายขึ้น พี่สาวทั้งสองของซินเดอร์ริล่าได้พากันแสดงความเคารพโดยการถอนสายบังและหัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน
อานาตาเซียและดริเซลล่าต่างเอาศอกดันกันเพื่อให้อีกคนพ้นทาง เพราะว่าแต่ละคนต้องการที่จะเป็นคนแรกที่จะลองใส่รองเท้าแก้ว พี่สาวแต่ละคนพยายามที่จะใส่เท้าของตนลงไปในรองเท้าแก้วให้ได้ แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าใดก็ไม่เป็นผล
และในขณะเดียวกัน แจ๊คและกัสต่างก็รีบเร่งลงไปข้างล่าง ลงไปยังห้องวาดรูป ที่ซึ่งแม่เลี้ยงกำลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับขุนนาง เจ้าหนูผู้กล้าหาญได้จัดการขโมยกุญแจจากกระเป๋าของแม่เลี้ยงและรีบลากกุญแจขึ้นไปยังข้างบน เพื่อที่จะไปยังห้องใต้หลังคาของซินเตอร์ริล่าแล้วปล่อยให้เธอออกมา
“ข้าสันนิษฐานว่า ในบ้านเจ้ามีหญิงสาวเพียงแค่นี้ใช่ไหม?” ขุนนาง ถามอย่างอ่อนใจ
“ไม่มีใครอื่นอีกแล้วค่ะ” แม่เลี้ยงตอบ
“ดีมาก” ขุนนาง กล่าว พร้อมกับเดินมุ่งหน้าไปยังประตู
ทันใดนั้นเอง เขาได้ยินเสียงเรียกอันอ่อนหวานดังขึ้น “ได้โปรด รอสักครู่! ขอฉันลองสวมมันดูได้ไหม?” นั่นคือเสียงของซินเดอร์ริล่า เธอยืนอยู่บนบันได โดยเธออยู่ในชุดทำงานของเธอ ขุนนางได้มองดูที่เท้าของเธอพร้อมกับส่งยิ้มแล้ว กล่าวขึ้นว่า “ลองดูสี เจ้าเด็กน้อย”
ขุนนางพูดขึ้นพร้อมกับกำลังเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง แต่แม่เลี้ยงผู้โกรธแค้นได้เข้าไปผลักผู้รับใช้ของขุนนางที่ถือรองเท้าแก้วมา ทำให้รองเท้าแก้วแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“โฮ ไม่นะ!” ขุนนาง ส่งเสียงคร่ำครวญ
“แต่บางที นี่อาจจะช่วยได้นะ” ซินเดอร์ริล่า กล่าว พร้อมกับหยิบรองเท้าแก้วอีกข้างหนึ่งออกจากกระเป๋าของเธอ “ฉันมีรองเท้าอีกข้างหนึ่ง”


พวกหนูต่างพากันส่งเสียงเชียร์ ในขณะที่ พวกพี่สาวซึ่งหวาดกลัว ต่างก็พากันจ้องมองดู ขุนนางได้ลองเอารองเท้าแก้วอีกข้างให้ซินเดอร์ริล่าใส่ และเธอก็ใส่มันได้พอดี
ขุนนางรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบเจ้าของรองเท้าแก้ว และพระราชาเองเมื่อได้ทราบข่าวถึงกับกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี และสำหรับเจ้าชายเอง.... แน่นอนที่สุด พระองค์ไม่รอช้า รีบจัดพิธีอภิเษกสมรสกับซินเดอร์ริล่า ยอดรักของพระองค์ และทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข!

และแล้วก็ HAppy EndinG


ภาคภาษาอังกฤษ
Once upon a time… there lived an unhappy young girl. Unhappy she was, for her mother was dead, her father had married another woman, a widow with two daughters, and her stepmother didn’t like her one little bit. All the nice things, kind thoughts and loving touches were for her own daughters. And not just the kind thoughts and love, but also dresses, shoes, shawls, delicious food, comfy beds, as well as every home comfort. All this was laid on for her daughters. But, for the poor unhappy girl, there was nothing at all. No dresses, only her stepsisters’ hand-me-downs. No lovely dishes, nothing but scraps. No nice rests and comfort. For she had to work hard all day, and only when evening came was she allowed to sit for a while


by the fire, near the cinders. That is how she got her nickname, for everybody called her Cinderella. Cinderella used to spend long hours all alone talking to the cat. The cat said,


Miaow, which really meant, Cheer up! You have something neither of your stepsisters have and that is beauty.


It was quite true. Cindaralla, even dressed in rags with a dusty gray face from the cinders, was a lovely girl. While her stepsisters, no matter how splendid and elegant their clothes, were still clumsy, lumpy and ugly and always would be.
One day, beautiful new dresses arrived at the house. A ball was to be held at Court and the stepsisters were getting ready to go to it. Cinderella, didn’t even dare ask, “What about me?” for she knew very well what the answer to that would be:
“You? My dear girl, you’re staying at home to wash the dishes, scrub the floors and turn down the beds for your stepsisters. They will come home tired and very sleepy.” Cinderella sighed at the cat.
“Oh dear, I’m so unhappy!” and the cat murmured “Miaow”.


Suddenly something amazing happened. In the kitchen, where Cinderella was sitting all by herself, there was a burst of light and a fairy appeared.


“Don’t be alarmed, Cinderella,” said the fairy. “The wind blew me your sighs. I know you would love to go to the ball. And so you shall!”


“How can I, dressed in rags?” Cinderella replied. “The servants will turn me away!” The fairy smiled. With a flick of her magic wand… Cinderella found herself wearing the most beautiful dress, the loveliest ever seen in the realm.


“Now that we have settled the matter of the dress,” said the fairy, “we’ll need to get you a coach. A real lady would never go to a ball on foot!”


“Quick! Get me a pumpkin!” she ordered.


“Oh of course,” said Cinderella, rushing away. Then the fairy turned to the cat.


“You, bring me seven mice!”


“Seven mice!” said the cat. “I didn’t know fairies ate mice too!”


“They’re not for eating, silly! Do as you are told!… and, remember they must be alive!”


Cinderella soon returned with a fine pumpkin and the cat with seven mice he had caught in the cellar.


“Good!” exclaimed the fairy. With a flick of her magic wand… wonder of wonders! The pumpkin turned into a sparkling coach and the mice became six white horses, while the seventh mouse turned into a coachman, in a smart uniform and carrying a whip. Cinderella could hardly believe her eyes.


“I shall present you at Court. You will soon see that the Prince, in whose honor the ball is being held, will be enchanted by your loveliness. But remember! You must leave the ball at midnight and come home. For that is when the spell ends. Your coach will turn back into a pumpkin, the horses will become mice again and the coachman will turn back into a mouse… and you will be dressed again in rags and wearing clogs instead of these dainty little slippers! Do you understand?” Cinderella smiled and said,


“Yes, I understand!”


When Cinderella entered the ballroom at the palace, a hush fell. Everyone stopped in mid-sentence to admire her elegance, her beauty and grace.


“Who can that be?” people asked each other. The two stepsisters also wondered who the newcomer was, for never in a month of Sundays, would they ever have guessed that the beautiful girl was really poor Cinderella who talked to the cat!


When the prince set eyes on Cinderella, he was struck by her beauty. Walking over to her, he bowed deeply and asked her to dance. And to the great disappointment of all the young ladies, he danced with Cinderella all evening.


“Who are you, fair maiden?” the Prince kept asking her. But Cinderella only replied:


“What does it matter who I am! You will never see me again anyway.”


“Oh, but I shall, I’m quite certain!” he replied.


Cinderella had a wonderful time at the ball… But, all of a sudden, she heard the sound of a clock: the first stroke of midnight! She remembered what the fairy had said, and without a word of goodbye she slipped from the Prince’s arms and ran down the steps. As she ran she lost one of her slippers, but not for a moment did she dream of stopping to pick it up! If the last stroke of midnight were to sound… oh… what a disaster that would be! Out she fled and vanished into the night.


The Prince, who was now madly in love with her, picked up her slipper and said to his ministers,


“Go and search everywhere for the girl whose foot this slipper fits. I will never be content until I find her!” So the ministers tried the slipper on the foot of all the girls… and on Cinderella’s foot as well… Surprise! The slipper fitted perfectly.


“That awful untidy girl simply cannot have been at the ball,” snapped the stepmother. “Tell the Prince he ought to marry one of my two daughters! Can’t you see how ugly Cinderella is! Can’t you see?”


Suddenly she broke off, for the fairy had appeared.


“That’s enough!” she exclaimed, raising her magic wand. In a flash, Cinderella appeared in a splendid dress, shining with youth and beauty. Her stepmother and stepsisters gaped at her in amazement, and the ministers said,


“Come with us, fair maiden! The Prince awaits to present you with his engagement ring!” So Cinderella joyfully went with them, and lived happily ever after with her Prince. And as for the cat, he just said “Miaow”!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น